วันเสาร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

10 ภาพยนต์ในดวงใจ

10 ภาพยนต์ในดวงใจ



10.College of Our Lives (ภาพตัดปะของความรัก)

เรื่องย่อ  :  มาซาโตะ เป็นช่างภาพหนุ่ม เคยเรียนที่เดียวกับ ซาโตนากะ ซึ่งเคยชอบตามเขาไปถ่ายรูปด้วย อยู่มาวันหนึ่งมีการจัดประกวดภาพถ่าย และทั้งสองก็เข้าร่วมด้วย ปรากฏว่าภาพของซาโตนากะได้รับรางวัล แต่มาซาโตะไม่ได้ ต่อมาซาโตนากะก็ตัดสินใจไปเรียนต่อที่อเมริกา และส่งผลงานต่างๆมาให้มาซาโตะดู และเมื่อมาซาโตะ ตามเธอไปที่อเมริกา เขาก็พบว่าเธอนั้นไม่ได้อยู่ที่นั้นอีกแล้ว





**********************************************************************






9. House of Flying Daggers (จอมใจบ้านมีดบิน)

เรื่องย่อ  :  ในสมัยราชวงศ์ถัง อันถือได้ว่าเป็นจักรวรรดิที่รุ่งเรืองที่สุด ของประวัติศาสตร์จีน หากแต่ในช่วงคริสตศักราชที่ 859 ราชวงศ์ถังก็ถึงกาลตกต่ำ อันเนื่องมาจากการไร้ซึ่งความสามารถขององค์จักรพรรดิ เป็นเหตุให้เกิดการฉ้อราษฎร์บังหลวงโดยบรรดาขุนนาง จนเหล่าราษฎรได้รับความเดือดร้อนไปทั่วทุกหัวระแหง ในที่สุดจึงเกิดกลุ่มกบฏขึ้นมามากมาย โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อต่อต้านการกระทำของขุนนางเหล่านี้

กลุ่มกบฏที่สามารถรวมตัวกันได้เป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดมีนามว่า "สำนักมีดบิน" ซึ่งมีการทำงานกันอย่างลับๆ ด้วยการออกปล้นทรัพย์สินของบรรดาคนรวย เพื่อนำไปช่วยผู้ที่ยากไร้ จนชาวบ้านต่างก็พากันยกย่องในการกระทำของพวกเขา กระทั่งสำนักมีดบินสามารถแผ่ขยายสาขาของสำนัก ออกไปอีกอย่างกว้างไกล

ซึ่งแม้ว่าเจ้าสำนักคนก่อนได้ถูกสังหารไปแล้วก็ตาม แต่สำนักมีดบินก็ยังคงดำเนินงานต่อไป ภายใต้การนำของผู้นำคนใหม่ที่ยังไม่เปิดเผยตัว และเมื่อสำนักมีดบินเริ่มเรืองอำนาจขึ้นเรื่อยๆ 2 หัวหน้ามือปราบแห่งมณฑลเฟิงเทียนคือ เหลียว (หลิวเต๋อหัว) และ จิน (ทาเคชิ คาเนชิโร่) จึงได้รับคำสั่ง ให้ออกตามจับเจ้าสำนักคนใหม่ให้ได้ภายในเวลา 10 วัน

มือปราบเหลียวนั้นสงสัยว่า เม่ย (จางซิยี่) นางรำสาวสวยแห่งสำนักโคมเขียว จะเป็นบุตรสาวของเจ้าสำนักคนเก่า ดังนั้นจึงวางแผนที่จะจับกุมตัวเธอมาเพื่อทำการสอบสวน แต่เมื่อเม่ยไม่ยอมเอ่ยปากแพร่งพรายใดๆ เกี่ยวกับสำนักมีดบิน มือปราบหนุ่มทั้งคู่จึงต้องวางแผนอีกครั้ง โดยหนนี้จินได้ปลอมตัวเป็นนักรบหนุ่มผู้อ้างว้าง ที่มีนามว่า วายุ พร้อมกับทำการช่วยเหลือเม่ยออกมาจากที่คุมขัง เพื่อที่จะทำให้เธอเกิดความไว้วางใจ และจากนั้น จึงหลอกล่อให้เธอพาเขาไปยังที่ตั้งของสำนักมีดบิน

แผนการต่างๆ ดำเนินไปอย่างราบรื่น ทว่า.. ในระหว่างการเดินทางนั้น จินและเม่ยกลับมีความรู้สึกที่ดีต่อกันเกิดขึ้น ฝ่ายเม่ยเองรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณของวายุ ในขณะที่วายุนั้น ก็หลงเสน่ห์ของเธออย่างถอนตัวไม่ขึ้น

ทุกหนแห่งที่พวกเขาเดินทางผ่านไป ล้วนแล้วแต่มีผู้ปองร้ายแอบแฝงซ่อนเร้นอยู่ทุกย่างก้าว แต่ไม่ว่าทั้งคู่จะต้องเผชิญกับขวากหนามใดๆ หากมันก็คือบทพิสูจน์ในความเป็นตัวตน และความรักที่ต่างฝ่ายต่างมีต่อกัน ว่าสิ่งใดจะสำคัญกว่ากันระหว่าง "หน้าที่" และ "ความรัก"...




**********************************************************************





8. Amelie (เอมิลี่ สาวน้อยหัวใจสะดุดรัก)

เรื่องย่อ  :  เรื่องราวสนุกๆ ของ ”เอมิลี่” สาวน้อยที่มีความสุขกับการสร้างความสุขให้กับชีวิตของคนทุกคนที่ผ่านเข้ามา ในชีวิตเธอ โดยความใฝ่ฝันของเธอคือการได้พบชายที่เธอปรารถนาที่เธอเฝ้ารอมาชั่วชีวิต แต่พอเธอได้เจอกับชายในฝันกลับไม่เป็นอย่างที่เธอเคยหวังไว้ เพราะเขาคนนั้นกลับเข้ามาในชีวิตเอมิลี่พร้อมกับความทุกข์ที่เธอไม่เคยไดเจอ

เธอต้องแก้ไขปัญหา และต้องเลือกระหว่างความสุข ความทุกข์ และชายคนไหนคือ ชายในฝันของเธอ แค่ได้เห็นพลอตเรื่องก็ดูไม่น่าเชื่อว่าจะดูน่าสนใจอะไร แต่มันมีสาเหตุของการน่าดู หนังที่เล่าถึงเรื่องของผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งนี้ กลายเป็นเรื่องที่น่าดูขึ้นมา ทันทีเมื่อ เพราะผู้สร้างมีสไตล์การเล่าเรื่องที่น่าสนใจที่เป็นแบบหนังฝรั่งเศสแท้ๆ แต่ใส่ความหวือหวาให้กับหนัง โดยใช้เทคนิคการให้โทนสีภาพที่ดูสดใสเกินจริง ทำให้หนังออกมากึ่งจริงกึ่งนิยาย นั่นเป็นตัวทำให้หนังที่พลอตเรื่องแสนธรรมดาเรื่องนี้กลายเป็นหนังที่ไม่ธรรมดาขึ้นมาในทันทีทันใด รวมทั้งอารมณ์ขันกับพฤติกรรมแปลก ซึ่งเป็นสไตล์ของหนังอาร์ตฝรั่งเศส ผู้กำกับฯ ก็สามารถนำเอามาเล่นใช้ประกอบการเล่าเรื่องได้อย่างน่าดู




**********************************************************************





7. The Red Violin (ไวโอลินเลือด)

เรื่องย่อ  :  การเดินทางระหกระเหินของไวโอลินที่ถือกำเนิดขึ้นมาจากความรักที่รุนแรง และวนเวียนอยู่กับความรู้สึก เช่นนั้น ตลอดเวลาราว 300 ปีที่มี ผู้ผลัดกันครอบครองอย่างน้อย 4 ชั่วอายุคนใน 4 แผ่นดินจากอิตาลี สู่ออสเตรีย อังกฤษและจีน นอกเหนือจากเรื่องราวเข้มข้นของคนที่เข้ามาเกี่ยวข้องในแต่ละช่วงเวลา แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนต้องประสบเหมือนกันก็คือ…ความตาย ไม่มีใครล่วงรู้ถึงความลึกลับของไวโอลินสีแดงตัวนี้ จนกระทั่ง ชาร์ล มอรร์ริทส์ (Samuel L. Jackson)ได้ซื้อมันมาจากร้านประมูลแห่งหนึ่งในอีก 3 ศตวรรษต่อมา 

ไวโอลินตัวหนึ่งถูกสร้างโดยช่างทำไวโอลินชาวอิตาลี (Nicolo Bussotti) เมื่อสามศตวรรษที่แล้วในปี ค.ศ.1681 เพื่อเตรียมให้กับลูกที่กำลังจะคลอดของเขา โชคร้ายที่ภรรยาของเขาเสียชีวิตระหว่างคลอด ไวโอลินตัวนี้จึงไม่ได้เป็นไปตามความประสงค์ของผู้สร้าง เวลาผ่านไปไวโอลินตัวนี้ถูกบริจาคให้โบสถ์ที่เลี้ยงเด็กกำพร้าในออสเตรีย มีเด็กหลายคนได้เล่นต่อๆกันมา จนมีเด็กอัจฉริยะคนหนึ่งได้เล่น และมีนักดนตรีที่เห็นแววพาไปที่เวียนนาเพื่อแสดงให้เจ้าชายคัดเลือกสำหรับร่วมในการเดินทางไปรัสเซียของพระองค์ โชคร้ายอีกครั้งที่เด็กคนนี้เสียชีวิตต่อหน้าพระพักตร์ด้วยความเครียดและเดิมเป็นโรคหัวใจอยู่แล้ว ไวโอลินถูกฝังพร้อมศพ แต่มีหัวขโมยได้มาขุดหลุมศพนำไวโอลินไป ครั้งนี้ไวโอลินตัวนั้นถูกเล่นต่อๆกันในกลุ่มยิปซีเร่ร่อน จนเมื่อมาถึงอังกฤษ เจ้าของที่ดินที่ยิปซีมาพักซึ่งเป็นนักไวโอลินที่มีสไตล์เฉพาะตัวในสมัยนั้นได้เห็นและนำไวโอลินนี้ไปใช้ในการแสดงของเขา การแสดงของเขาต้องมาจากแรงบันดาลใจที่เกิดจากหญิงสาวคนหนึ่ง ซึ่งเธอเองเป็นนักประพันธ์ที่ต้องการแรงบันดาลใจในการเขียนเช่นกัน เธอจึงเดินทางไปรัสเซีย และกลับมาพบว่าเขาหาแรงบันดาลใจจากหญิงอื่นเมื่อไม่มีเธอ เธอยิงไวโอลินตัวนั้นเสียหาย แล้วจากไป เขาฆ่าตัวตายในที่สุดเพราะสูญเสียแรงบันดาลใจและอ่อนแอเพราะฝิ่น ไวโอลินถูกนำข้ามน้ำข้ามทะเลไปถึงเมืองจีนที่เซี่ยงไฮ้โดยคนรับใช้ชาวจีนของเขาที่กลับเมืองจีนและนำไวโอลินตัวนั้นไปขายในร้ายขายของเก่า ไวโอลินถูกขายต่อให้แม่ลูกชาวจีนคู่หนึ่ง ลูกสาวเมื่อเติบโตขึ้นตกอยู่ในช่วงปฏิวัติการปกครองของจีน เครื่องดนตรีตะวันตกจะถูกทำลาย ไวโอลินถูกมอบให้อาจารย์สอนดนตรีผู้เก็บเครื่องดนตรีหลบซ่อนการทำลายของเรดการ์ดจนสิ้นสุดยุคประธานเหมา ในที่สุดรัฐบาลจีนได้มอบคอลเลกชั่นเครื่องดนตรีเหล่านี้กลับมาสู่ประเทศตะวันตก จนเข้าสู่การประมูลในเมืองมอลทรีลออลในแคนาดา ฉากการประมูลเป็นฉากนำเรื่องจากนั้นหนังตัดเรื่องไปมาระหว่างแต่ละช่วงเวลาเดินทางของไวโอลิน ซึ่งตัดภาพได้เรียบรื่นดีมาก แล้วเรื่องมาเฉลยกันตอนจบว่าช่างทำไวโอลินได้นำเลือดของภรรยาผู้เสียชีวิตมาทาสีไวโอลินโดยใช้แปรงที่ทำจากผมของเธอ ชื่อเรื่องภาษาไทยที่ตั้งชื่อว่า ไวโอลินเลือด จึงสื่อเนื้อหาส่วนนี้เข้าไปด้วย




**********************************************************************





6. Grave of the Fireflies (สุสานหิ่งห้อย)

เรื่องย่อ  :  ช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นกำลังเพลี่ยงพล้ำอย่างหนัก ถูกสัมพันธมิตรทิ้งระเบิดราบ เซตะและเซ็ตสึโกะ เป็นหนึ่งในเด็กที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งที่ตนเองไม่ได้เป็นผู้ก่อ คุณแม่ของสองพี่น้อง ถูกไฟคลอกทั้งตัวขณะหนีไปยังหลุมหลบภัย บ้านก็ถูกไฟไหม้ไม่เหลือ ทั้งคู่จึงไปอาศัยอยู่กับคุณป้าเป็นการชั่วคราว เพื่อรอการติดต่อกลับจากคุณพ่อที่เป็นทหารเรือ ต่อมาไม่นาน คุณแม่ของพวกเขาก็เสียชีวิต เซตะไปรับอัฐิและปิดบังไม่ให้น้องสาวเขารู้เรื่องนี้ เวลาผ่านเลยไป คุณพ่อของพวกเขาก็ยังไม่ติดต่อกลับมาเสียที อาหารการกินก็เริ่มขาดแคลน เมื่อไม่มีปัจจัยสนับสนุน อะไรๆ ก็เปลี่ยนไป คุณป้าเริ่มเบื่อหน่ายที่จะดูแลเด็กกำพร้าสองคนนี้ กิริยาวาจาท่าทาง ไม่เป็นมิตรมากขึ้น จนเซโตะตัดสินใจพาน้องสาวออกไปหาที่พักอาศัยใหม่ เป็นหลุมหลบภัยที่ดูคล้ายทางเข้าเหมืองเก่าแถบภูเขาบริเวณหลังหมู่บ้าน ห่างไกลสายตาผู้คนเขาพยายามทุกวิถีทางเท่าที่เด็กอายุ 14 จะทำได้ เพื่อให้น้องสาวอายุ 4 ขวบมีชีวิตรอดต่อไป แต่ถึงจะพยายามแค่ไหน เซ็ตสึโกะก็เสียชีวิต จากอาการขาดสารอาหารอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้จะไม่มีอาหารปันส่วนสำหรับพวกเขา แต่กลับมีถ่านเผาศพน้องสาวของเขาอย่างน่าสลดใจเซโตะ นำอัฐิของเซ็ตสึโกะใส่ในกล่องลูกอมของโปรดของเธอเอง ติดตัวเร่ร่อนไปอยู่ในเมือง ก่อนเสียชีวิตอย่างอนาถาเหมือนกับเด็กกำพร้าจากสงครามอีกจำนวนมากที่ไม่มีคนเหลียวแล




**********************************************************************





5. The Overture (โหมโรง)

เรื่องย่อ  :  เหตุการณ์เริ่มขึ้นราวพุทธศักราช 2429 ในประเทศสยาม ศร เด็กหนุ่มที่มีความผูกพันกับดนตรีไทยมาตั้งแต่เกิด ได้รับการถ่ายทอดฝีมือในการตีระนาดเอกจาก ครูสิน ผู้ซึ่งเป็นทั้งบิดาและครูสอนดนตรีไทย ผู้มีปมในชีวิต หลังการสูญเสียพี่ชายของศรผู้ซึ่งถูกนักเลงระนาดคู่ปรับฆ่า เป็นเหตุให้ครูสินตัดสินใจหยุดการสอนดนตรีไทยลง ด้วยคำเตือนสติจากหลวงพ่อ ทำให้ครูสินกลับมาสอนดนตรีไทยอีกครั้ง เพื่อไม่เป็นการปิดกั้นโอกาสและการพัฒนาพรสวรรค์ในการตีระนาดของศร ศรจึงได้รับการถ่ายทอดฝีมือตีระนาดจากบิดา และมีทิว เพื่อนสนิทที่คอยช่วยเหลือมาตลอดเวลา

ศร กลายเป็นดาวเด่นในเชิงระนาดเมื่อก้าวเข้าสู่วัยหนุ่ม ฝีมือของศรยากหาใครทัดเทียมในอัมพวา หลังจากชนะประชันครั้งแล้วครั้งเล่า ศรจึงเกิดความลำพองในฝีมือของตนเอง จนเมื่อศรเดินทางเข้ามายังบางกอก เขาพ่ายแพ้เป็นครั้งแรกต่อขุนอิน ผู้มีฝีมือการเล่นระนาดในระดับสูง และมีทางระนาดที่ดุดัน ศรกลายเป็นคนที่สูญเสียความภาคภูมิใจในตัวเอง แต่เขาก็กลับมามุมานะฝึกปรือฝีมืออีกครั้ง และคิดค้นทางระนาดแบบใหม่ที่ไม่ซ้ำใคร จนในที่สุด ศรก็มีชื่อเสียงโด่งดังไปถึงในพระราชวัง เขาได้รับการอุปถัมป์ให้เป็นนักดนตรีประจำราชสำนัก และได้พบกับ แม่โชติ สตรีผู้สูงศักดิ์ที่กลายมาเป็นคู่ชีวิตของศรในเวลาต่อมา

ในที่สุด หลังจากผ่านการบ่มเพาะทั้งฝีมือและจิตใจมาชั่วระยะเวลาหนึ่ง ศรก็สามารถมีชัยเหนือขุนอินได้สำเร็จ

ล่วงเข้าสู่วัยชราของศร เขากลายเป็นครูดนตรีอาวุโสที่มีลูกศิษย์มากมาย ขณะที่บ้านเมืองกำลังเปิดรับวัฒนธรรมตะวันตก รัฐบาลมีนโยบายปรับปรุงประเทศให้มีความทันสมัย และออกระเบียบควบคุมศิลปะแขนงต่างๆ รวมทั้งดนตรีไทย โดยมี พันโทวีระ นายทหารหนุ่มที่รับหน้าที่ดูแลนโยบายดังกล่าว และต้องมาเผชิญหน้ากับ ครูศร ผู้ผ่านการแพ้-ชนะมานับครั้งไม่ถ้วนในวัยหนุ่ม และกำลังเข้าสู่บั้นปลายของชีวิตในวันที่ดนตรีไทยถูกคุกคาม




**********************************************************************





4. Forrest Gump (ฟอร์เรสท์ กัมพ์ อัจฉริยะปัญญานิ่ม)

เรื่องย่อ  :  "Lift is like a box of chocolates... You never know what you're gonna get"
คำพูดข้างต้นจาก Forrest Gump กลายเป็นอมตะทันทีเช่นเดียวกับตัวภาพยนตร์และเป็นแรงบันดาลใจแก่ผู้คนนับล้านทั่วโลก
ในช่วงสามทศวรรษแห่งความโกลาหล ฟอร์เรสท์ (ทอม แฮงค์) ดำเนินชีวิตผ่านกระแสช่วงต่างๆที่ผันเขาจากคนร่างกายพิการไปเป็นดาราอเมริกันฟุตบอล จากวีรบุรุษในสงครามเวียดนามเป็นเศรษฐีธุรกิจเรือกุ้ง จากเกียรติทำเนียบขาวไปสู่อ้อมกอดของผู้ที่เขามีใจรักจริง ฟอร์เรสท์คือลักษณะรูปธรรมแห่งยุค คือความไร้เดียงสาในดินแดนอเมริกา จิตใจของเขาตระหนักต่อสิ่งที่ไอคิวอันจำกัดของตัวเองไม่อำนวย ขอบข่ายศิลธรรมของเขาไม่เคยคลอนแคลน ชัยชนะทั้งหลายของเขากลายเป็นแรงบันดาลใจแก่เราทุกคน"




**********************************************************************






3. Seven Years in Tibet (เจ็ดปีโลกไม่มีวันลืม)

เรื่องย่อ  :  ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างจากเรื่องจริงของไฮน์ริค แฮร์เรอร์ (รับบทโดย แบรด พิตต์) นักไต่เขาชาวออสเตรียผู้สร้างตำนาน ออกไปพิชิตยอดเขาหิมาลัยในอินเดียแต่กลับถูกกักขังในฐานะนักโทษชาวอังกฤษในค่ายกักกันในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ไฮน์ริคพยายามหลบหนีออกจากค่ายกักกันโดยการปีนเขาข้ามเทือกเขาหิมาลัยสู่ดินแดนทิเบตและที่นั่นเองเขาได้รู้จักและเรียนรู้ชีวิตร่วมกับองค์ดาไลลามะเมื่อตอนที่ยังเป็นเด็ก




**********************************************************************





2. Life Is Beautiful (ยิ้มไว้โลกนี้ไม่มีสิ้นหวัง)

เรื่องย่อ  :  กุยโดชาวยิวในอิตาลี มีความฝันอยากจะเปิดร้านหนังสือของตัวเอง ในปี ค.ศ. 1939 เขาย้ายเข้ามาอยู่ที่อเรซโซและตกหลุมรักตอร่าที่มีอาชีพครู ทั้งคู่แต่งงานกันและมีลูกชายที่ชื่อว่าโจซัว กุยโดสามารถเปิดร้านขายหนังสือได้สำเร็จ แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ที่มีการกวาดล้างเผ่าพันธุ์ยิวในสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยนาซีเยอรมนีที่อิตาลีเมื่อโจซัวอายุได้ 5 ปี กุยโดและโจชัวถูกพาตัวไปเข้าค่ายกักกัน ส่วนตอร่าแม้จะไม่ใช่ชาวยิว แต่เธอก็ไปยังค่ายกักกันพร้อมกับครอบครัว กุยโดพยายามรักษาภาพอันสวยงามให้กับลูกชาย ในภาวะเหตุการณ์ที่เลวร้ายนี้ โดยต้องโกหกลูกชายอยู่ตลอดเวลาให้มีรอยยิ้ม มีความหวัง แม้ท้ายที่สุดกุยโดต้องตายก็ตาม




**********************************************************************





1. Spirited Away (มิติวิญญาณมหัศจรรย์)

เรื่องย่อ  :  จิฮิโร่ เด็กหญิงวัย 10 ขวบผู้มีนิสัยดื้อรั้น ได้นั่งมาในรถกับพ่อแม่ที่กำลังย้ายไปบ้านใหม่..แต่ทั้งหมดเกิดหลงทาง ทำให้มาเจออุโมงค์ที่เมื่อผ่านไปแล้วจะกลายเป็นเมืองอีกมิติหนึ่ง !!?? และแล้วพ่อแม่ของเธอก็ถูกสาปให้กลายเป็นหมู !!! ส่วน จิฮิโร่ ต้องติดอยู่ในโลกประหลาดที่มีแต่สิ่งมีชีวิตแปลก ๆ เต็มไปหมด เธอได้พบกับเด็กหนุ่มชื่อ ฮาคุ ซึ่งช่วยเธอเอาไว้ และแนะนำถึงหนทางที่จะมีชีวิตรอดในเมืองนี้รวมไปถึงหนทางกลับสู่โลกของเธอด้วย โดยระหว่างนี้เธอจะต้องทำงานในโรงอาบน้ำทีอยู่ในโลกแห่งวิญญาณนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยความแปลกประหลาดและน่าอัศจรรย์





**********************************************************************


Credits :

1. Spirited Away
- http://www.movie2world.com/spirited-away-%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A2%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A1%E0%B8%82%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%87.html
- http://www.youtube.com/watch?v=_jGXcSBcvQQ
2. Life Is Beautiful
- http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A2%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B9%84%E0%B8%A7%E0%B9%89%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%87
- http://www.youtube.com/watch?v=16RZHqCIy9M
3. Seven Years in Tibet
- http://www.amornmovie.com/shop/home/product-details.php?get_idproduct=00000012247
- http://www.youtube.com/watch?v=l_IGypkra3E
4. Forrest Gump
- http://www.nangdee.com/title/?movie_id=485
- http://www.youtube.com/watch?v=uPIEn0M8su0
5. The Overture
-  http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%82%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%87_(%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%8C)
-  http://www.youtube.com/watch?v=xW3yryL6vCw
6. Grave of the Fireflies
- http://chubby.exteen.com/20090608/grave-of-the-fireflies
- http://www.youtube.com/watch?v=hxv9ghINEhs
7. The Red Violin
- http://en.wikipedia.org/wiki/The_Red_Violin
- http://www.youtube.com/watch?v=3feDUcDRNAg
8. Amélie
- http://en.wikipedia.org/wiki/Am%C3%A9lie
-      http://www.youtube.com/watch?v=sECzJY07oK4
9. House of Flying Daggers
- http://entertainment.hunsa.com/movie_detail.php?id=619
- http://www.youtube.com/watch?v=zLkedDMb8vI
10. College of Our Lives
- http://asianwiki.com/College_of_Our_Lives







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น